วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ขนมชาววัง


ขนมชาววัง เป็นขนมที่มีความน่ากิน
วันนี้เราจะมาแนะนำ ขนมชาววังกันนะค๊ะ
ขนม ชาววังใช้ความละเมียดละไม ประดิดประดอยอยู่หลายขั้นตอน คนสมัยก่อนนิยมส่งลูกหลานที่เป็นผู้หญิงเข้าไปในวัง เพื่อถวายตัวรับใช้เจ้านายในวังตามตำหนักต่างๆ เพื่อฝึกฝนงานฝีมือด้านต่างๆ เช่น งานเย็บปักถักร้อย  จัด ดอกไม้ ทำอาหาร หากค้นคว้าตามตำราเก่าๆ จะพูดถึงขนมในวังแท้ๆ อยู่ไม่กี่อย่าง และแต่ละอย่างต้องใช้ความละเอียดประณีต พิถีพิถันทุกขั้นตอนการทำ 

 1.ขนมโพรงแสม  ซึ่ง ขอนชนิดนี้จะใช้ในพิธีแต่งงานมีความหมายโดยแทน เสาบ้าน เสาเรือน ให้คู่บ่าว สาว อยู่กันยั่งยืนและร่ำรวยคะ ลักษณะคร้ายทองม้วนแต่จะต่างกันตรงที่ขนมชนิดนี้มีน้ำมันเคลือบ พัน



2.ขนมหม้อตาล ขนม นี้ก้เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่จะใช้กันในงานแต่งคะมักจะเรียกว่า หม้อเงิน หม้อทองคะ ขนมชนิดนี้มีรสหวานกำลังดีที่พอได้ชิมจะได้รสของแป้งกันน้ำตาลที่ลงตัวคะ


3. ขนมพันตอง
เป็นขนมที่ห่อด้วยใบตองซึ่งมันก็จะเพิ่มความหอมให้ด้วยและเพื่อความอร่อยควรรับประทาน แป้งและไส้พร้อมกัน 


4. ขนมพระพาย เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในงานแต่งงานคะ ขนมนี้ทำมาแป้งนวดกับน้ำมะลิและสอดไส้ซึ่งไส้ของขนมชนิดนี้มีรสหวานอร่อยมาก




5.ขนมเทียนแก้ว หรือ จะเรียกอีกอย่างว่า ขนมนมสาว เปรียบเสมือนแสงสว่าง ขนมชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมสดชื่นน่ากินของควันเทียนและน้ำลอยดอกมะลิที่อบอวล อยู่คะ


6.ขนมตะลุ่ม ขนม นี้จะมียุ2ส่วนคะ ส่วนตัวขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้าย่ายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใสและหางกะทิ และนำไปนึ่ง ส่วนตัวหน้าทำจาก กะทิและน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทบนตัวขนมนำไปนึ่ง ตอนรับประทานควรทานพร้อมกันเพราะมันจะให้รสชาติที่ลงตัว


7.ขนมบุหลันดั๋นเมฆ ขนม ชนิดนี้จะเป็นขนมที่ชาววังคิดขึ้นมา ให้มีสีสันเปลียบแบบบทเพลงของไทย บุหลันลอยเลื่อน ซึ่งเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ เมื่อรับประทานจะให้รสหมอหวานของดอกอัญชัน กับ กลิ่นน้ำตาลมะพร้าวคะ



9.ขนมเกสรชมพู ขนม ชนิดนี้มองครั้งแรกอาจจะคิดว่สนี้คือ ข้าวเหนียวแก้ว แต่ถ้ามองดีดีจะเห็นข้อแตกต่างกันตรงที่ความแข็งกะด้างของข้าวเหนียวคะ  ส่วนเรื่องรสชาติขนมชนิดนี้จะมีความมันและหอทไปในตัวของมะพร้าวและยังมีความ หวานที่ไม่เหมือนใครคะ


11.ขนมลูกชุบ หาก เป็นชาววังแท้ๆ ไส้ขนมไม่ได้ทำจากถั่วกวน แต่นำเมล็ดแตงโมมากะเทาะทีละเม็ดแล้วปั่นให้ละเอียด ร่อนด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้ได้เนื้อที่ละเอียดที่สุด แล้วนำมากวนก่อนปั้นเป็นรูปผักและผลไม้ขนาดจิ๋ว นำไปชุบในแป้งพอขึ้นเงาเท่านั้นคะ 


12.ขนมเปื้อง การละเลงแป้งขนมเบื้องในสมัยก่อนนับว่าต้องใช้ฝีมือมากจึงจะออกมาสวยน่ากิน จนมีการกล่าวถึงเรื่องการประกวดประขันการละเลงขนมเบื้องในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนเลยทีเดียว ส่วนขนมเบื้องญวนนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งที่ทรงยกทัพไปตีเมืองญวน จับเชลยญวนมาเป็นจำนวนมาก และได้ทำขนมขายอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือขนมเบื้องญวน โดยนำแป้งมาผสมกับไข่และน้ำ ตักแป้งใส่ในกระทะที่ทาด้วยน้ำมัน เอียงกระทะไปรอบๆ เพื่อให้แป้งแผ่ออกเป็นแผ่นกลมจึงใส่ไส้ ซึ่งจัดเป็นของคาวอย่างหนึ่งคะ

13. ขนมผิง
สูตรทำขนมผิง
* แป้งมัน 6 ถ้วยตวง
* น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
* หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
* ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
* เทียนวิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน
1. นำกะทิไปตั้งบนไฟอ่อน ใส่น้ำตาลลงไป คนจนน้ำตาลละลายดี
2. จากนั้นจึงใส่แป้งลงไปในกะทิ ใส่ทีละน้อย ใส่แล้วคนต่อเนื่องจนแป้งนุ่ม จึงนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ หรือปั้นเป็นรูปทรงตามใจชอบ แล้วจึงนำไปวางบนถาดซึ่งทาน้ำมันไว้บางๆ ปั้นทิ้งไว้ 1 คืนจนแห้ง (อย่าวางชิดกันมาก เนื่องจากเวลานำไปอบขนมอาจขยายและติดกันได้)
3. วันรุ่งขึ้นนำแป้งที่ปั้นไว้ไปอบในเตาประมาณ 15 นาที หรืออบจนส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลอ่อน จึงเอาออกมาแซะออก และนำไปอบควันเทียน
4. จัดขนมใส่จานเสริฟ หรือใส่โหล, ภาชนะมิดชิดเก็บไว้ทานภายหลัง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น