วันนี้เราจะมาแนะนำ ขนมชาววังกันนะค๊ะ
ขนม ชาววังใช้ความละเมียดละไม ประดิดประดอยอยู่หลายขั้นตอน คนสมัยก่อนนิยมส่งลูกหลานที่เป็นผู้หญิงเข้าไปในวัง เพื่อถวายตัวรับใช้เจ้านายในวังตามตำหนักต่างๆ เพื่อฝึกฝนงานฝีมือด้านต่างๆ เช่น งานเย็บปักถักร้อย จัด ดอกไม้ ทำอาหาร หากค้นคว้าตามตำราเก่าๆ จะพูดถึงขนมในวังแท้ๆ อยู่ไม่กี่อย่าง และแต่ละอย่างต้องใช้ความละเอียดประณีต พิถีพิถันทุกขั้นตอนการทำ
1.ขนมโพรงแสม ซึ่ง ขอนชนิดนี้จะใช้ในพิธีแต่งงานมีความหมายโดยแทน เสาบ้าน เสาเรือน ให้คู่บ่าว สาว อยู่กันยั่งยืนและร่ำรวยคะ ลักษณะคร้ายทองม้วนแต่จะต่างกันตรงที่ขนมชนิดนี้มีน้ำมันเคลือบ พัน
2.ขนมหม้อตาล ขนม นี้ก้เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่จะใช้กันในงานแต่งคะมักจะเรียกว่า
หม้อเงิน หม้อทองคะ ขนมชนิดนี้มีรสหวานกำลังดีที่พอได้ชิมจะได้รสของแป้งกันน้ำตาลที่ลงตัวคะ
3. ขนมพันตอง
เป็นขนมที่ห่อด้วยใบตองซึ่งมันก็จะเพิ่มความหอมให้ด้วยและเพื่อความอร่อยควรรับประทาน แป้งและไส้พร้อมกัน
เป็นขนมที่ห่อด้วยใบตองซึ่งมันก็จะเพิ่มความหอมให้ด้วยและเพื่อความอร่อยควรรับประทาน แป้งและไส้พร้อมกัน
4. ขนมพระพาย เป็นขนมอีกชนิดหนึ่งที่ใช้ในงานแต่งงานคะ
ขนมนี้ทำมาแป้งนวดกับน้ำมะลิและสอดไส้ซึ่งไส้ของขนมชนิดนี้มีรสหวานอร่อยมาก
5.ขนมเทียนแก้ว หรือ จะเรียกอีกอย่างว่า ขนมนมสาว
เปรียบเสมือนแสงสว่าง ขนมชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมสดชื่นน่ากินของควันเทียนและน้ำลอยดอกมะลิที่อบอวล
อยู่คะ
6.ขนมตะลุ่ม ขนม นี้จะมียุ2ส่วนคะ
ส่วนตัวขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้าย่ายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใสและหางกะทิ
และนำไปนึ่ง ส่วนตัวหน้าทำจาก กะทิและน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย
แล้วเทบนตัวขนมนำไปนึ่ง ตอนรับประทานควรทานพร้อมกันเพราะมันจะให้รสชาติที่ลงตัว
7.ขนมบุหลันดั๋นเมฆ ขนม ชนิดนี้จะเป็นขนมที่ชาววังคิดขึ้นมา
ให้มีสีสันเปลียบแบบบทเพลงของไทย บุหลันลอยเลื่อน
ซึ่งเป็นบทเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 เมื่อรับประทานจะให้รสหมอหวานของดอกอัญชัน
กับ กลิ่นน้ำตาลมะพร้าวคะ
9.ขนมเกสรชมพู ขนม ชนิดนี้มองครั้งแรกอาจจะคิดว่สนี้คือ
ข้าวเหนียวแก้ว แต่ถ้ามองดีดีจะเห็นข้อแตกต่างกันตรงที่ความแข็งกะด้างของข้าวเหนียวคะ
ส่วนเรื่องรสชาติขนมชนิดนี้จะมีความมันและหอทไปในตัวของมะพร้าวและยังมีความ
หวานที่ไม่เหมือนใครคะ
11.ขนมลูกชุบ หาก เป็นชาววังแท้ๆ
ไส้ขนมไม่ได้ทำจากถั่วกวน แต่นำเมล็ดแตงโมมากะเทาะทีละเม็ดแล้วปั่นให้ละเอียด ร่อนด้วยผ้าขาวบางเพื่อให้ได้เนื้อที่ละเอียดที่สุด
แล้วนำมากวนก่อนปั้นเป็นรูปผักและผลไม้ขนาดจิ๋ว นำไปชุบในแป้งพอขึ้นเงาเท่านั้นคะ
12.ขนมเปื้อง การละเลงแป้งขนมเบื้องในสมัยก่อนนับว่าต้องใช้ฝีมือมากจึงจะออกมาสวยน่ากิน
จนมีการกล่าวถึงเรื่องการประกวดประขันการละเลงขนมเบื้องในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนเลยทีเดียว
ส่วนขนมเบื้องญวนนั้นเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งที่ทรงยกทัพไปตีเมืองญวน
จับเชลยญวนมาเป็นจำนวนมาก และได้ทำขนมขายอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือขนมเบื้องญวน
โดยนำแป้งมาผสมกับไข่และน้ำ ตักแป้งใส่ในกระทะที่ทาด้วยน้ำมัน เอียงกระทะไปรอบๆ
เพื่อให้แป้งแผ่ออกเป็นแผ่นกลมจึงใส่ไส้ ซึ่งจัดเป็นของคาวอย่างหนึ่งคะ
13. ขนมผิง
สูตรทำขนมผิง
* แป้งมัน 6 ถ้วยตวง
*
น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
*
หัวกะทิ 1 1/2 ถ้วยตวง
*
ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
* เทียนวิธีทำขนมไทย
ทีละขั้นตอน
1.
นำกะทิไปตั้งบนไฟอ่อน ใส่น้ำตาลลงไป คนจนน้ำตาลละลายดี
2.
จากนั้นจึงใส่แป้งลงไปในกะทิ ใส่ทีละน้อย
ใส่แล้วคนต่อเนื่องจนแป้งนุ่ม จึงนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ
หรือปั้นเป็นรูปทรงตามใจชอบ แล้วจึงนำไปวางบนถาดซึ่งทาน้ำมันไว้บางๆ ปั้นทิ้งไว้
1 คืนจนแห้ง (อย่าวางชิดกันมาก
เนื่องจากเวลานำไปอบขนมอาจขยายและติดกันได้)
3.
วันรุ่งขึ้นนำแป้งที่ปั้นไว้ไปอบในเตาประมาณ 15 นาที หรืออบจนส่วนล่างเป็นสีน้ำตาลอ่อน จึงเอาออกมาแซะออก
และนำไปอบควันเทียน
4.
จัดขนมใส่จานเสริฟ หรือใส่โหล, ภาชนะมิดชิดเก็บไว้ทานภายหลัง
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น